[ZST REVIEW] Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี

 Thor: Love and Thunder 

"ธอร์: ด้วยรักและอัสนี"
แอคชั่น , แฟนตาชี / 1 ชม. 59 นาที


Thor: Love and Thunder เมื่อสูญสิ้นศรัทธาแด่เหล่าองค์เทพ กอร์ เดอะ ก็อดบุชเชอร์ (Gorr the God Butcher รับบทโดย คริสเตียน เบล Christian Bale) จึงออกตามล่าสังหารเทพทุกองค์ในจักรวาล พร้อมด้วยดาบออลแบล็ค เดอะ เนรโครซอร์ด (All-Black the Necroverse) ที่มีพลังมหาศาลถึงขนาดเอาชนะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอย่างเซเลสเชียลได้ ธอร์ (รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ Chris Hemsworth) ซึ่งในเวลานี้กำลังออกท่องอวกาศกับพวกการ์เดียน ออฟ เดอะกาแล็คซี่ (Guardian of the Galaxy) ได้ตกเป็นเป้าหมายต่อไปของกอร์ เพื่อจัดการกับภัยร้ายธอร์จึงต้องร่วมมือกับ เจน ฟอร์เตอร์ (รับบทโดย นาตาลี พอร์ตแมน Natalie Portman) อดีตคนรัก ที่ได้รับพลังจนกลายเป็นฮีโร่นามว่า ไมท์ตี้ ธอร์ (Mighty Thor) และสามารถครอบครองค้อนโยเนียร์ได้เช่นเดียวกับธอร์อีกด้วย


Thor: Love and Thunder ผู้ร้ายในภาคนี้ คือ กอร์ (ที่รับบทโดยอดีตผู้รับบทแบทแมน) ผู้เคยเป็นสาวกของเทพองค์หนึ่ง ทว่าเมื่อเขาต้องทนทุกข์อยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันแห้งแล้งจนสูญเสียลูกสาวสุดที่รักไปโดยไร้ความสนใจใยดีจากเทพที่เขาเฝ้าอ้อนวอน สุดท้าย เมื่อเขาได้รับ ‘ดาบเนโครซอร์ด’ สุดยอดอาวุธที่สามารถสังหารเทพได้ เขาจึงขอปฏิญาณตนไว้ว่า จะขอล้างบางทวยเทพให้สิ้นซาก ขณะที่ ธอร์เองแม้เป็นเทพแต่ก็เผชิญกับวิกฤติชีวิตมากมายหลายหลาก ทั้งชีวิตการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ทั้งเดี่ยวทั้งร่วมมือกับอะเวนเจอร์ส ไหนจะมีความรักกับมนุษย์แต่ก็ไปไม่รอดแถมยังติดค้างอยู่ในใจ สูญเสียไปหลายทั้งพี่สาว น้องชาย คนสนิท ไหนจะพ่ออีก ปลีกวิเวกไปอยู่เดี่ยวมั่ง ขุนตัวเองจนอ้วนพีก็แล้วมั่ง สุดท้ายกลับมาใหม่ ออกกำลังจนหุ่นแซ่บเหมือนเดิม พร้อมอาวุธคู่ใจอย่างขวานเล่มโตที่ชื่อ ‘Stormbreaker’ มาทำภารกิจใหม่ ปราบปรามกอร์ นักสังหารเทพเจ้า

รวบรวมพลพรรคที่รู้ใจว่า ราชาวัลคีรี่, คอร์ก และเหล่า Guardians of the Galaxy แถมยังได้ เจน ฟอสเตอร์ หวานใจที่เคยห่างกันหลายปีกลับมาใหม่ด้วยลุคชวนเซอร์ไพรซ์ เมื่อเธอกลายเป็น ไมตี้ธอร์ แถมยังใช้ค้อนโยเนียร์ อาวุธคู่กายชิ้นเก่าที่แตกไปแล้วเสียด้วยอีก งานนี้คือ ‘ถ่านไฟเก่า’ ล้วนๆ เลย

เมื่อได้องค์ประกอบครบสูตรแล้ว หนังก็เริ่มฟาดไม่ยั้งด้วยการเดินเรื่องสุดเร้าใจ สลับกันไปกับมุกกวนๆ ตามแบบฉบับของ Taika Waititi เลยทำให้ ‘Thor: Love and Thunder’ กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดูเอามัน ดูเอาบันเทิง ได้ดีประมาณหนึ่ง แม้อะไรบางอย่างมันจะง่ายเกินไปบ้าง นัยว่าตัดบางอย่างไปเพื่อเล่าเรื่องที่แฟนหนังต้องการอะไรประมาณนั้น


[สรุป] Thor: Love and Thunder [7.5/10] ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ แม้จะมีข้อดีอยู่มาก แต่ก็ช่วงจืดจางเหมือนกัน แถมเส้นเรื่องของภาคนี้ยังดูเรียบง่ายจนเกินไป แต่ว่าก็ปฏิเสธไม่ได้นี่เป็นหนึ่งในหนังเฟส 4 ของจักรวาล MCU ที่สุดยอดมากๆ พร้อมทั้งย้ำแนวทาง MCU ในอนาคตไว้อย่างดี ยังไงรับประกันได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่าเหมาะกับการดูในโรงภาพยนตร์ ถ้าคุณดูระบบ IMAX คุณจะฟินมากๆเลยทีเดียว

>>Trailer<<


ความคิดเห็น